ตอนที่ผมยังเป็นเด็กๆนั้น วิชาศิลปะเป็นวิชาที่เรียนให้พอผ่าน ไม่ได้คิดว่าจะสามารถเอามาใช้อะไรในชีวิตประจำวันได้มากนัก แต่พอซื้อบ้านแล้วเนี่ย เราก็ต้องแต่งบ้าน ซึ่งไอ้การแต่งบ้านเนี่ย มันสามารถออกแบบ หรือ design อย่างไรก็ได้ตามใจเจ้าของบ้าน ซึ่ง ณ จุดๆนี้ ผมก็ต้องใช้วิชาศิลปะที่มีติดตัวอันน้อยนิดให้เต็มที่ครับ และไม่ใช่แค่ออกแบบบ้านเท่านั้น ยังต้องคิดเรื่องงบประมาณด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ แล้วหนึ่งในทางออกที่ผมใช้ตอนที่แต่งบ้านก็คือ การปูพรมครับ!?!? ถ้างั้นเรามาเริ่มด้วย ประโยชน์ของการปูพรมก่อนดีกว่าครับ ขอออกตัวไว้ก่อนนะครับ ว่าผมไม่ค่อยรู้เรื่องพรม รู้แค่ว่า อยากจะเอามาตกแต่งบ้านเท่านั้น อิอิ
ประโยชน์ของพรม
ป้องกันพื้นบ้านเป็นรอย
เนื่องจากพื้นบ้านในห้องทำงานเป็นไม้ปาเก้ครับ ทีนี้เวลาทำงาน หรือแค่นั่งอ่านหนังสือ เราก็ต้องเลื่อนเก้าอี้กันบ้าง ไม่มากก็น้อยล่ะ ทีนี้ไม่ว่าคุณจะใช้เก้าอี้ที่มีล้อเลื่อน หรือไม่มีล้อเลื่อน โอกาสที่พื้นไม้ปาเก้เป็นรอยจะมีสูงมาก ทีนี้วิธีง่ายๆที่ช่วยไ้ด้คือ ปูพรมนั่นเอง เย้ๆ พรมในที่นี้ คือ พรมนุ่มๆนะครับ ไม่ใช่พรมอัดแข็งๆที่ไว้ตรงประตูข้างหน้าห้างฯที่ไว้ให้เช็คเท้า อันนั้นคงทำงานกันไม่มีความสุขเท่าไร ฮ่าๆ
ดูหรูหรา ในพริบตา
ถ้าคุณต้องปูพื้นหินอ่อน หินแกรนิต หรือแม้แต่พื้นไม้ปาเก้ เหอะๆ งานช้างเลยครับ ฝุ่นเอย เสียงดังเวลาปู โอ้ อีกหลายเรื่องเลยครับ ดังนั้น ถ้าคุณรีบๆอยากทำบ้านที่แสนรัก หรือห้องในคอนโดให้เสร็จไว้ๆ ผมแนะนำเลยครับ ปูพรม ถ้าห้องคุณไม่ใหญ่มาก ครึ่งวันก็อยู่ แต่ผมไปซื้อมาปูเอง โดยไม่มีการทากาว ทาอะไรนั้น แค่ 10 นาทีเสร็จ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
เดินไม่มีเสียง และช่วยดูดซับเสียง
โดยปกติพรมนั้นใช้เป็นวัสดุเก็บเสียงด้วยอยู่แล้ว คุณลองสังเกตุตามโรงหนังดูก็ได้ครับ พื้นปูพรมหมดเลย เพราะช่วยดูดซับเสียง รวมไปถึงไม่มีเสียงรบกวนเวลาเดินด้วยครับ ดังนั้นถ้าใครที่ชอบดูหนังเสียงดังๆ หรือเล่นเกมส์เสียงดังๆ การที่ปูพรมในห้องจะช่วยกันเสียงไม่ให้ออกไปรบกวนข้างห้องได้ครับ
เดินแล้วอุ่น นุ่ม ไม่เย็นเท้า
ถ้าคุณไม่ชอบความรู้สึกเย็นเท้าเวลาเดิน เช่น ลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน พอลงจากเตียงแล้วเจอพื้นเย็นๆ แม่งตื่นเลย! ปัญหาแบบนี้พรมช่วยได้ครับ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ตามโรงแรมหรูๆเลย อิอิ
ข้อเสียของการใช้พรม
เก็บฝุ่น
เป็นเรื่องปกติเลย ถ้าคิดจะปูพรมนะ คุณต้องเจอเรื่องฝุ่นอยู่แล้ว เราก็ต้องดูดฝุ่นกันบ่อยหน่อย แต่จะดูดฝุ่นบ่อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าห้องที่คุณปูพรมน่ะ เปิดหน้าต่างไหม แล้วมีฝุ่นเยอะหรือเปล่า แต่ผมว่าอย่างน้อยที่สุดต้องเดือนละครั้ง หรือสัปดาห์ละครั้งในกรณีที่ห้องนั้น ฝุ่นเยอะ และถ้าคุณแรงเหลือมาก ก็ดูดฝุ่นที่พรมมันทุกวันเลยครับ ฮ่าๆ
ควรเปลี่ยนพรมเมื่อถึงเวลา
เมื่อใช้พรมไปสักระยะนึง มันจะเริ่มทำตัวเหมือนหมา นั่นคือ ผลัดขน ฮ่าๆๆๆๆ จริงๆ คือ ขนมันเริ่มหลุดเยอะขึ้น แล้วมันจะไม่นุ่มเท้า รวมไปถึงไม่ดีต่อสุขภาพผู้อยู่อาศัยด้วยครับ ดังนั้นเมื่อถึงเวลาก็ควรเปลี่ยนพรมครับ ทีนี้ก็ขึ้นกับชนิดของพรมแล้วล่ะ ควรเปลี่ยนทุกๆกี่ปี
ถ้าทำอาหารหรือน้ำหกบนพรม จะเช็ดยากมาก และเป็นรอย
คุณเคยทำกาแฟหกบนพรมที่ Office ไหมครับ มันจะปรากฏเป็นหลักฐานไปอีกนานแสนนานเลยทีเดียวว่า ตรงนี้เคยมีกาแฟหก โดยเฉพาะพรมที่สีอ่อนๆแล้วเจอกับกาแฟดำ หรืออีกกรณีคือ กำลังกินไก่ทอด KFC ที่ใส่ซอสเต็มที่ แล้วซอสมัน(เผือก)หกก่อนที่จะเข้าปาก ไปบนพรม!!! ถ้าไม่เห็นหรือไม่รีบเช็คนะ คุณจะเห็นหลักฐานชัดยิ่งกว่าคราบเลือดในหนัง CSI อีก!?!?
ดังนั้นห้องที่ปูพรม กรุณาทำตามเสียงประกาศแบบ BTS ว่า "โปรดอย่านำอาหารและเครื่องมือเข้ามารับประทานภายในบริเวณ..." ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
โดย buildsweethome.blogspot.com
ถ้าใครมีไอเดียอะไรดีๆ ในการใช้พรมมาแต่งบ้านให้ดูหรู ดูดี ก็มาแชร์กันได้นะครับ แล้วถ้าใครที่ยังนึกไม่ออกว่าจะไปหาซื้อพรมที่ไหน ก็ตามอ่านกันต่อได้เลยครับ [ไปซื้อพรมที่ไหนกันดี]