Build Sweet Home

เลือกรอบปั่นเครื่องซักผ้าอย่างไร มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง มาดูกัน

Tweet
f Share

หนึ่งในประโยชน์ที่เครื่องซักผ้าช่วยให้ชีวิตของพ่อบ้านแม่บ้านสะดวกสบายมากขึ้นก็คือ การปั่นผ้าให้แห้งๆนี้ล่ะ เพราะถ้าเราปั่นมากๆผ้าก็จะเกือบๆแห้งแล้ว เอาไปตากแดดแค่แปปเดียวก็แห้งแล้ว แต่ทีนี้หลายๆครั้งเราก็อาจจะมีคำถามเกิดขึ้นในใจกันบ้างว่า แล้วเราควรเลือกรอบปั่นผ้าเท่าไรกันดี และมันมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไรกันบ้าง ถ้าอย่างนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าครับ

ประโยชน์ของการเลือกรอบปั่นผ้าสูงๆ
เรามาเริ่มกันที่ประโยชน์หรือข้อดีของการเลือกรอบปั่นผ้าสูงๆกันก่อนดีกว่าครับ
 • ตากผ้าไม่นานก็แห้ง - การที่เราเลือกรอบปั่นให้สูงสุดๆเลยนั้น สิ่งที่มีประโยชน์หลักๆเลยก็คือ ผ้าจะเกือบๆแห้งแล้วครับ สิ่งที่ตามมาก็คือ เราจะตากผ้าแค่แปปเดียวก็แห้งแล้ว

 • อบผ้าก็ประหยัดไฟ - สำหรับเครื่องอบผ้านั้นจะมีคำแนะนำเขียนกันไว้บ่อยๆว่า ถ้าเราปั่นผ้าให้หมาดๆก่อนนั้น ความชื้นต่างๆที่ตกค้างอยู่ก็จะมีน้อย ทำให้เราประหยัดเวลาและประหยัดค่าไฟในการอบผ้าอีกด้วย โดยบางยี่ห้อจะเขียนไว้เลย เช่น ถ้าเลือกให้ปั่นผ้ามากกว่า 1200 รอบต่อนาที จะทำให้ช่วยประหยัดเวลาในการอบผ้าได้ 20 นาที เป็นต้น ซึ่งค่าไฟในการปั่นผ้านั้นจะถูกกว่าค่าไฟที่ต้องใช้ในการทำให้ผ้าแห้งครับ


ข้อเสียที่คุณควรรู้ก่อน เลือกรอบปั่นผ้าให้สูงๆ
 • ใช้รอบสูงๆ เครื่องเสื่อมไวกว่า - เวลาที่เราปั่นผ้าด้วยรอบสูงๆ ก็เปรียบเหมือนกับการเร่งเครื่องให้ทำงานหนักขึ้น โช๊คอัพหรือมอเตอร์ต่างๆก็จะทำงานและรับภาระที่สูงขึ้น ทำให้อายุการใช้งานจะสั้นลงครับ ดังนั้นการที่เราเลือกรอบการทำงานให้ปั่นน้อยๆ เครื่องซักผ้าก็จะยิ่งมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นครับ

เลือกรอบปั่นสูงมาก ผ้าก็มีโอกาศยับมากกว่ามากๆ
 • ผ้าจะยับมากกว่ามาก - การที่เราปั่นผ้าด้วยรอบสูงๆนั้น ผ้าที่ออกมาจะมีสภาพยับเยินมากๆ ซึ่งเสื้อผ้าหลายๆตัว ถ้าเราเลือกรอบปั่นน้อยๆ จะทำให้เราไม่ต้องรีดผ้ากันเลยครับ

 • รอบสูง ก็เสียงดัง - ไม่ว่าจะเป็นเครื่องซักผ้ายี่ห้อไหนก็ตาม ยิ่งปั่นผ้ารอบสูงก็จะมีเสียงดังมากขึ้นครับ ดังนั้นถ้าเราเลือกรอบปั่นที่น้อยลง เสียงการทำงานก็จะเงียบมากขึ้นเรื่อยๆครับ

 • ปั่นรอบสูงกว่า ก็กินไฟกว่า - แน่นอนว่ายิ่งเราสั่งให้เครื่องซักผ้าทำงานด้วยรอบการปั่นที่สูงขึ้นนั้น ค่าไฟฟ้าที่ต้องใช้ก็จะสูงขึ้นด้วยครับ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆอยากจะประหยัดค่าไฟ ผมก็แนะนำให้ใช้รอบปั่นต่ำๆครับ

 • รอบปั่นสูง เครื่องก็แพง - รอบปั่นก็เป็นเหมือนกับตัวเลขที่ใช้แข่งขัน ทำให้ราคาของเครื่องซักผ้าที่มีรอบปั่นสูงๆมักจะมีราคาที่แพงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆไม่ได้ต้องการรอบปั่นที่สูงจริงๆ เราก็สามารถประหยัดเงินไป โดยการเลือกซื้อเครื่องซักผ้าที่มีรอบปั่นที่ต่ำกว่าได้ครับ


/// เลือกรอบปั่นเครื่องซักผ้าอย่างไรล่ะ ///
ทีนี้เรามาดูสิ่งสำคัญดีกว่าว่า เราจะเลือกรอบการปั่นของเครื่องซักผ้าอย่างไรกันดี
 • ให้ต่ำที่สุดเสมอ - สำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าไฟ ไม่อยากรีดผ้า และไม่รีบให้ผ้าแห้ง มีเวลาตากผ้าหลายวัน แนะนำให้ต่ำรอบปั่นผ้าให้ต่ำที่สุดเลย เพราะเวลาที่ซักผ้าเสร็จแล้ว ผ้าจะไม่ค่อยยับเลยครับ ทำให้เราไม่ต้องรีดผ้าด้วย (รอบต่ำๆสำหรับผมคือ 400 รอบต่อนาที หรือ 600 รอบต่อนาทีครับ)


 • เลือกตามความเหมาะสม - ทีนี้หลายคนก็อยากเลือกรอบการปั่นให้มันเข้ากับเนื้อผ้า โดยผมจะเขียนตามที่ผมจำได้จากคู่มือที่หายไหนแล้วก็ไม่รู้ ฮ่าๆๆๆ
     ◦ มากกว่า 1000 รอบต่อนาที - ผ้ายีนส์
     ◦ 1000 รอบต่อนาที - ผ้าที่ซักมือ, ผ้าฝ้าย, ผ้าขนสัตว์
     ◦ ต่ำกว่า 700 รอบต่อนาที - ผ้าเนื้อบอบบาง, ผ้าเนื้อบอบบางพิเศษ, ผ้าไหม, ผ้านวม, ผ้าที่อยากให้รีดง่าย

 • ปั่นให้แรงสุดๆ - สำหรับคนที่ไม่กลัวเครื่องซักผ้าพัง ไม่กังวลกับเสียงเครื่องซักผ้าคำรามราวกับเครื่องบินกำลังจะขึ้น ไม่สนใจโช๊คอัพของเครื่องซักผ้าที่กำลังโยนอย่างรุนแรง จัดเลยครับกดเมนูสั่งให้ปั่นให้แรงกันสุดๆเลย ผ้าที่ปั่นเสร็จจะแห้งหมาดๆ ตากอีกไม่นานก็แห้งหมดแล้วครับ โดยการปั่นให้แรงๆนั้น ผมมักจะใช้ในการกรณีที่รีบจริงๆ อยากให้ผ้าแห้งไวๆ เช่น ช่วงหน้าฝนครับ หรือเวลาซักกางเกงยีนส์ครับ

โดย buildsweethome.blogspot.com
สำหรับเรื่องราวที่เกี่ยวกับการเลือกรอบปั่นผ้าก็นึกออกประมาณนี้ครับ แล้วถ้าเพื่อนๆมีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมมาแชร์กันได้เลยครับ ส่วนวิธีแก้เวลาที่เครื่องซักผ้าไม่ยอมปั่น ลองดูที่นี้ครับ [วิธีแก้เครื่องซักผ้าไม่ยอมปั่น]