ใช้อารมณ์และความรู้สึกในการเลือกซื้อบ้าน?!?!
อารมณ์เฉยๆ - เป็นเหตุการณ์ที่จะเจอได้บ่อยที่สุด แสดงว่า โครงการที่เราไปดูไม่ได้มีจุดเด่นอะไรที่โดนใจเรา หรือข้อดีของโครงการเขาอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ ปกติอารมณ์เฉยๆ ผมเชื่อว่าทุกคนจะใช้เหตุผลมาเป็นหลักในการตัดสินใจได้ดีอยู่แล้ว เพราะงั้นเราไปดูอารมณ์แบบอื่นๆกันดีกว่า
อารมณ์ดีใจและอยากได้สุด - ถ้าใครที่กำลังอยู่ในพะวงกำลังอยากเป็นเจ้าของบ้าน อันนี้ผมว่าต้องระวังเป็นอย่างมาก เพราะอารมณ์แบบนี้ล่ะที่จะทำให้เรามองอะไรแค่ด้านเดียวและไม่ยอมไปเหตุผลอื่นมาคัดค้าน วิธีที่ผมอยากจะแนะนำในการรับมือกับความรู้สึกอยากได้ คือ ไปดูบ้านหรือคอนโดหลายๆโครงการ มากกว่า 20 โครงการจะดีมากครับ เพราะดูไปเรื่อยๆอารมณ์ ความหลงจะเริ่มลงลด ทีนี้เราก็จะใช้เหตุผลมากขึ้น
อารมณ์เบื่อขี้หน้าคนขาย - ถ้าใครเคยไปเจอบ้านบางหลังที่เราถูกใจมาก แต่พนักงานขายทำหน้าไม่รับซองผ้าป่าตลอดเวลา! ถามคำ-ตอบคำ ไม่ถามก็ไม่ตอบ ไม่อธิบาย ไม่เชียร์ นี้มันจะขายไหม(ว่ะ)เนี่ย นี้ตรูมาซื้อของน่ะไม่ได้มาขายประกัน เหอะๆ...ก็เลยทำให้หลายๆคนไม่ซื้อบ้านในโครงการนั้นไปเลย ทั้งๆที่โครงการนั้นน่ะอาจจะดีมากๆก็ได้ แบบนี้ผมแนะนำว่า ให้กลับมาอีกทีวันอื่นครับ เผื่อว่าคุณจะได้เจอกับพนักงานขายคนอื่นๆ ซึ่งประสบการณ์การที่ผมเจอคือ ไปดูบ้านในวันอาทิตย์แล้ว คนไปดูเยอะมากๆๆๆพนักงานเขาคงเบื่อและเหนื่อยครับ แต่พอผมกลับไปดูอีกทีในวันธรรมดา ฮ่าๆๆๆ ไม่มีใครไปดูเลย พนักงานต้อนรับดีมากครับ
อารมณ์ใช่เลย หลังนี้ล่ะ - ผู้ใหญ่หลายๆคนมักจะบอกกับผมในตอนที่กำลังหาบ้านอยู่เสมอๆว่า ถ้าบ้านจะเป็นของเรา มันก็จะเป็นเราไม่ต้องไปรีบ เดี๋ยวตอนเจอจะรู้เอง อารมณ์แบบนี้ล่ะครับ ที่ผมต้องการเวลาที่ไปดูบ้าน ซึ่งกว่าจะหาเจอก็ดูกันจนท้อเลย และในตอนที่จะเจอน่ะ คุณจะเข้าใจเองว่า บ้านนี้ล่ะใช่แล้ว ถ้าเพื่อนๆคนไหนเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาแชร์ให้ฟังบ้างน่ะครับ
สุดท้าย ก่อนที่จะวางเงินจริงๆ ผมมักจะคิดว่าถ้าอยู่บ้านนี้ไป 10 ปี แล้วเราถามคำถามกับตัวเองว่า "ถ้าย้อนเวลาได้ เรายังจะซื้อบ้านหลังนี้ไหม? Will I buy it again?" ถ้าคำตอบคือ ใช่! ผมเชื่อว่า เราเป็นหนึ่งกลุ่มคนที่โชคดีในชีวิตแล้วครับ :)
โดย buildsweethome.blogspot.com