ฝึกให้ลูกอยู่คนเดียวได้ - ถ้าคุณแม่ท่านไหนที่มีลูกตัวน้อยเกาะติดตลอด คงจะเข้าใจความรู้สึกของการเป็นหมีโคอาล่าแน่นอน เพราะไม่ยอมให้วางเลย! บางคนถึงขนาดไปเข้าห้องน้ำก็ต้องอุ้มไปด้วย เพราะฉะนั้นการฝึกให้ลูกเล่นคนเดียวได้ เราจะสามารถหาเวลาไปทำธุระเล็กๆน้อยๆ เช่น การเข้าห้องน้ำ หรือไปหยิบของ
ฝึกจินตนาการ - การที่ลูกอยู่คนเดียว และเล่นของเล่นคนเดียวได้แสดงว่า เขาต้องมีจินตนาการและเข้าใจว่าของเล่นชิ้นนี้มันเล่นได้อย่างไร โดยของเล่นบางอย่างคุณแม่คุณพ่ออาจจะต้องเล่นให้ลูกดูก่อนค่ะ ว่าของเล่นนี้มันเล่นอย่างไรได้บ้าง หลังจากนั้นถ้าลูกเข้าใจ เขาจะเริ่มเล่นเองได้
ฝึกให้รอคอยได้ - สำหรับเด็กแล้ว เวลาและการรอคอยเป็นอะไรที่หนูน้อยไม่เข้าใจ เพราะลูกอาจจะกลัวถูกปล่อยให้อยู่คนเดียว ดังนั้นเราต้องค่อยๆสอนให้ลูกเข้าใจได้ว่า ถ้าแม่ขึ้นไปหยิบของ"แปปเดียว" เดี๋ยวก็กลับลงมาแล้ว โดยตอนที่ฝึกเราก็อาจจะให้ลูกเล่นของเล่นไปก่อนก็ได้ ตามปกติแล้วเด็กประมาณ 1 ขวบจะเล่นคนได้ประมาณ 15 นาที พอ 1 ขวบครึ่ง - 2 ขวบก็สามารถเล่นคนเดียวได้นานขึ้นเป็น 15 - 30 นาที
คุณแม่คุณพ่อได้พัก - ตอนที่ปล่อยให้ลูกเล่นคนเดียว ตัวเราเองก็สามารถนั่งพักอยู่ข้างๆลูกก็ได้ นั่งพัก-นอนพักเติมพลังสักครู่ แล้วค่อยกลับไปเล่นกับลูกต่อ โดยเฉพาะตอนหลังจากที่ลูกทานข้าวเสร็จแล้ว เพราะตอนที่ลูกเพิ่งกินข้าวเสร็จ เด็กๆมักจะไม่ค่อยงอแงค่ะ
ความปลอดภัย - ก่อนที่เราจะปล่อยให้ลูกเล่นคนเดียว คุณแม่คุณพ่อต้องมั่นใจก่อนน่ะค่ะว่า ไม่มีสิ่งของที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายกับลูกได้ เช่น ของชิ้นเล็กๆที่ลูกอาจจะหยิบเข้าปากได้ อันนี้สำคัญมากๆค่ะ เพราะเด็กๆชอบหยิบของเข้าปากตลอดเลย รวมไปถึงลิ้นชักที่ลูกอาจจะเปิดเองได้ แล้วเผลอไปปิดโดนนิ้วตัวเอง หรือแม้กระทั่งขวดแป้ง ตอนแรกก็ไม่รู้ว่าเขาเปิดเองได้แล้ว พอเราหันกลับมาอีกที...พื้นบ้านกลายเป็นลานหิมะซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ
ละสายตา - พอเราปล่อยให้ลูกเล่นคนเดียวหลายๆครั้ง บางทีก็อาจจะเผลอละสายตาจากลูก ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่แนะนำค่ะ เพราะถึงลูกจะเล่นคนเดียวได้ แต่เราก็ต้องดูเขาอยู่เสมอค่ะ
เล่นคนเดียวนานไปก็ไม่ดี - เด็กๆก็ต้องรู้จักการเล่นกับเพื่อนๆและเด็กคนอื่นค่ะ ถ้าเขาอยู่คนเดียว เล่นคนเดียวนานไป เดี๋ยวลูกอาจจะกลัวเวลาที่เจอคนอื่นได้ และเวลาที่ลูกๆเล่นกับเด็กคนอื่น เขาจะได้เรียนรู้เรื่องการแบ่งปัน การแบ่งของเล่นค่ะ (รวมไปถึงเรียนรู้การแย่งของเล่นด้วย! -*-)
โดย buildsweethome.blogspot.com
ถ้าเพื่อนๆมีความคิดเห็นอะไรที่อยากเพิ่มเติม มาแชร์กันได้เลยค่ะ