วิธีเลือกซื้อบ้านง่ายๆ ลองดูกันเลย
สภาพอากาศในเมืองไทยมักจะมีคนแซวกันจนเป็นเรื่องปกติแล้วว่ามีแค่ 2 ฤดู นั่นคือ ฤดูร้อนกับฤดูร้อนมาก ดังนั้นแอร์หรือเครื่องปรับอากาศจึงกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกือบทุกบ้านต้องมีไว้ (ถึงจะงก อยากประหยัดค่าไฟ แต่ก็ควรมีไว้ก่อน อิอิ) ดังนั้นวันนี้เราลองดูกันก่อนเลือกซื้อแอร์ว่า เราต้องดูเรื่องอะไรกันบ้าง มีเทคนิคและวิธีการง่ายๆอะไรบ้างในเลือกแอร์ให้กับบ้านของเรา
ขนาดห้องกับขนาดแอร์ที่เหมาะสม
เวลาที่เพื่อนๆจะเลือกซื้อแอร์ ต้องรู้ก่อนว่าจะติดตั้งแอร์ไว้ห้องไหน ห้องนั้นมีขนาดพื้นที่เท่าไร เพื่อเราจะได้เลือกซื้อแอร์ขนาด BTU ที่เหมาะสมครับ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดในการคำนวณขนาด BTU แอร์ก็คือ
ตัวอย่างคำนวณ ห้องนอนขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 4 เมตร
อยู่ทิศตะวันออกไม่โดนแดดตอนบ่าย 5 x 4 x 800 = 16,000 BTU
อยู่ทิศตะวันตก โดนแดดตอนบ่ายเต็มๆ 5 x 4 x 900 = 18,000 BTU
ตำแหน่งที่ติดตั้งคอยล์ร้อนแอร์
คอยล์ร้อนแอร์บ้านหรือที่บางคนเรียกว่า compressor air ซึ่งจะตัวเป่าลมระบายความร้อนที่นอกห้อง ดังนั้นตำแหน่งที่ติดตั้งคอยล์ร้อนแอร์จะมีผลต่อการทำความเย็นภายในห้องนอนหรือห้องแอร์แน่นอนครับ โดยสิ่งที่ควรพิจารณามีตามนี้
ไม่ควรโดนแดดเต็มๆ - เพราะจะทำให้ระบายความร้อนยาก
ช่างซ่อมบำรุงง่าย - ตามปกติก็ต้องมีการล้าง หรือซ่อมบำรุงกันบ้าง ถ้ามีพื้นที่ให้ยืนง่ายๆ ก็ทำให้ช่างทำงานได้ง่ายขึ้น
อากาศถ่ายเทดี - เพราะตัวคอยล์ร้อนจะเป่าลมร้อนเรื่อยๆ ดังนั้นตำแหน่งที่ติดตั้งมีลมพัดผ่านตลอด ก็จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ประหยัดไฟมากขึ้นครับ
Promotion แอร์บ้าน
ก่อนซื้อเราต้องถามเรื่องพวกนี้ให้เคลียร์ก่อนเลยครับ จะได้สบายใจ
ค่าติดตั้ง ค่าเดินท่อ - ตามปกติก็ฟรีอยู่แล้ว แต่ค่าเดินท่อจะฟรีแค่ 4 เมตรหรือมากกว่านั้นก็แล้วแต่ร้านครับ
ค่าจัดส่ง - อันนี้ถ้าอยู่ต่างจังหวัดต้องดูดีๆ เพราะมักจะส่งฟรีแค่ 30 กิโลเมตรหรือในระยะใกล้ๆร้านครับ
ล้างแอร์ ฟรีกี่ครั้ง - ต้องถามให้ดีๆน่ะ
ของแถม - อันนี้ก็สำคัญ เพราะอย่างผมเคยเลือกซื้อแอร์รุ่นธรรมดากับรุ่น Inverter ตอนนั้นรุ่น Inverter มีของแถมเป็นพัดลมรุ่นที่มีรีโมตมาให้ด้วย ซึ่งพัดลมแบบนี้ก็มีราคาพันกว่าบาทอยู่แล้ว ดังนั้นทำให้ตัดสินใจไปซื้อรุ่น Inverter แทนครับ และยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ซื้อแอร์ไปแล้ว โลตัสและ Big-C ก็ออกโปรโมชั่นของแถมมา เช่น แถมตู้เย็น ทำเอาคนซื้อไปก่อน เซ็งไปเลย
ทำความสะอาดเองง่ายไหม
ค่าไฟในบ้านโดยทั่วไป ค่าแอร์จะแพงที่สุด ดังนั้น การทำความสะอาดแผ่นกรองแอร์ และเรียกช่างมาล้างแอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่าการล้างทำความสะอาดแอร์เอง ก็ส่วนช่วยให้ห้องนอนเย็นเร็วมากขึ้นเยอะครับ โดยส่วนตัวเลยเนี่ยชอบแอร์ของ Mitsubishi เพราะเราสามารถถอดแผ่นปรับทิศทางแอร์ ออกมาได้ง่ายๆ ไม่ต้องขัดน็อตเลย ทำให้เช็คด้านในแอร์ได้เองในระดับนึงครับ เย็นเร็วขึ้นเยอะ
ฉลากประหยัดไฟ
เวลาไปถามเรื่องฉลากประหยัดไฟครับ เซลล์ก็ชอบบอกแต่ว่า แอร์สมัยนี้ทุกรุ่นได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หมดแล้ววววววว แต่ในความเป็นจริง... ฉลากประหยัดไฟเบอร์ เราก็ต้องดูให้ดีๆด้วยเป็นของปีไหนด้วยครับ เพราะมาตรฐานประหยัดไฟจะมีการปรับขึ้นเรื่อยๆ เช่น แอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ปี 2006 อาจจะไม่ได้ เบอร์ 5 ตามมาตรปี 2015 แล้วครับ ดังนั้นดูกันให้ดีๆด้วยครับ
แอร์บ้านยี่ห้ออะไรดี?
เรื่องยี่ห้อนี้ผมขอตอบตามความคิดเห็นและความรู้สึกส่วนเลยน่ะ ที่บ้านผมจะใช้แค่ 2 ยี่ห้อ คือ Mitsubishi Electric กับ Daikin ซึ่งสองยี่ห้อนี้ มักจะแพงที่สุดครับ เหอะๆ แต่ใช้มา 5 ปี กับ 7 ปีก็ยังไม่เสียอะไรน่ะ เย็นดี มีแค่เรียกช่างมาล้างแอร์ตามปกติครับ ดังนั้นขอสรุปง่ายๆ ดังนั้น
Air Mitsubishi
ข้อดี คือ ถอดแอร์ทำความสะอาดเองได้ง่ายกว่า ทำให้ยืดระยะเวลาที่ต้องเรียกช่างมาล้างแอร์ได้
ข้อเสีย คือ ถ้าซื้อหน้าร้อนของมักจะหมด และแพงที่สุด ไม่ค่อยลดเลย T_T
*หมายเหตุ - Mitsubishi จะมี 2 ยี่ห้อน่ะ คือ Mitsubishi Electric กับ Mitsubishi Heavy Duty ที่เขียนนี้เป็นของ Mitsubishi Electric
Air Daikin
ข้อดี คือ เย็นไวมาก มี Mode Power ที่บ้านเรียกว่า Mode บ้าพลัง ลมแรงสุดๆ เย็นไวสุดๆ และ Mode Silence ก็เงียบสุดๆ
ข้อเสีย คือ แพงพอๆกับ Mitsubishi เลย ส่วนของแถมไม่ค่อยเยอะ เพราะในตอนที่ซื้อ Daikin ให้เลือกเป็นชุดถ้วยกาแฟหรือตุ๊กตา Daikin แต่แอร์ mitsu แถมพัดลมไง เลยก็รู้สึกว่าพัดลมมันมีประโยชน์มากกว่า
สภาพอากาศในเมืองไทยมักจะมีคนแซวกันจนเป็นเรื่องปกติแล้วว่ามีแค่ 2 ฤดู นั่นคือ ฤดูร้อนกับฤดูร้อนมาก ดังนั้นแอร์หรือเครื่องปรับอากาศจึงกลายเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เกือบทุกบ้านต้องมีไว้ (ถึงจะงก อยากประหยัดค่าไฟ แต่ก็ควรมีไว้ก่อน อิอิ) ดังนั้นวันนี้เราลองดูกันก่อนเลือกซื้อแอร์ว่า เราต้องดูเรื่องอะไรกันบ้าง มีเทคนิคและวิธีการง่ายๆอะไรบ้างในเลือกแอร์ให้กับบ้านของเรา
ขนาดห้องกับขนาดแอร์ที่เหมาะสม
เวลาที่เพื่อนๆจะเลือกซื้อแอร์ ต้องรู้ก่อนว่าจะติดตั้งแอร์ไว้ห้องไหน ห้องนั้นมีขนาดพื้นที่เท่าไร เพื่อเราจะได้เลือกซื้อแอร์ขนาด BTU ที่เหมาะสมครับ โดยวิธีที่ง่ายที่สุดในการคำนวณขนาด BTU แอร์ก็คือ
ขนาดห้อง(ตร.ม.) x 800 = ขนาด BTU ของแอร์ที่ควรเลือก
*ถ้าห้องที่ติดแอร์โดนแดดจัดๆตอนบ่ายก็เปลี่ยนเป็น x900 หรือจะ x1000 แทนเลยครับตัวอย่างคำนวณ ห้องนอนขนาดกว้าง 5 เมตร ยาว 4 เมตร
อยู่ทิศตะวันออกไม่โดนแดดตอนบ่าย 5 x 4 x 800 = 16,000 BTU
อยู่ทิศตะวันตก โดนแดดตอนบ่ายเต็มๆ 5 x 4 x 900 = 18,000 BTU
ตำแหน่งที่ติดตั้งคอยล์ร้อนแอร์
คอยล์ร้อนแอร์บ้านหรือที่บางคนเรียกว่า compressor air ซึ่งจะตัวเป่าลมระบายความร้อนที่นอกห้อง ดังนั้นตำแหน่งที่ติดตั้งคอยล์ร้อนแอร์จะมีผลต่อการทำความเย็นภายในห้องนอนหรือห้องแอร์แน่นอนครับ โดยสิ่งที่ควรพิจารณามีตามนี้
ไม่ควรโดนแดดเต็มๆ - เพราะจะทำให้ระบายความร้อนยาก
ช่างซ่อมบำรุงง่าย - ตามปกติก็ต้องมีการล้าง หรือซ่อมบำรุงกันบ้าง ถ้ามีพื้นที่ให้ยืนง่ายๆ ก็ทำให้ช่างทำงานได้ง่ายขึ้น
อากาศถ่ายเทดี - เพราะตัวคอยล์ร้อนจะเป่าลมร้อนเรื่อยๆ ดังนั้นตำแหน่งที่ติดตั้งมีลมพัดผ่านตลอด ก็จะทำให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลง ประหยัดไฟมากขึ้นครับ
อันนี้โปรโมชั่นแอร์บ้าน ปี 58 น่ะ ซื้อแอร์มีแถมตู้เย็นด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆ (โปรจากโลตัส) |
ก่อนซื้อเราต้องถามเรื่องพวกนี้ให้เคลียร์ก่อนเลยครับ จะได้สบายใจ
ค่าติดตั้ง ค่าเดินท่อ - ตามปกติก็ฟรีอยู่แล้ว แต่ค่าเดินท่อจะฟรีแค่ 4 เมตรหรือมากกว่านั้นก็แล้วแต่ร้านครับ
ค่าจัดส่ง - อันนี้ถ้าอยู่ต่างจังหวัดต้องดูดีๆ เพราะมักจะส่งฟรีแค่ 30 กิโลเมตรหรือในระยะใกล้ๆร้านครับ
ล้างแอร์ ฟรีกี่ครั้ง - ต้องถามให้ดีๆน่ะ
ของแถม - อันนี้ก็สำคัญ เพราะอย่างผมเคยเลือกซื้อแอร์รุ่นธรรมดากับรุ่น Inverter ตอนนั้นรุ่น Inverter มีของแถมเป็นพัดลมรุ่นที่มีรีโมตมาให้ด้วย ซึ่งพัดลมแบบนี้ก็มีราคาพันกว่าบาทอยู่แล้ว ดังนั้นทำให้ตัดสินใจไปซื้อรุ่น Inverter แทนครับ และยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ซื้อแอร์ไปแล้ว โลตัสและ Big-C ก็ออกโปรโมชั่นของแถมมา เช่น แถมตู้เย็น ทำเอาคนซื้อไปก่อน เซ็งไปเลย
ทำความสะอาดเองง่ายไหม
ค่าไฟในบ้านโดยทั่วไป ค่าแอร์จะแพงที่สุด ดังนั้น การทำความสะอาดแผ่นกรองแอร์ และเรียกช่างมาล้างแอร์จึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่าการล้างทำความสะอาดแอร์เอง ก็ส่วนช่วยให้ห้องนอนเย็นเร็วมากขึ้นเยอะครับ โดยส่วนตัวเลยเนี่ยชอบแอร์ของ Mitsubishi เพราะเราสามารถถอดแผ่นปรับทิศทางแอร์ ออกมาได้ง่ายๆ ไม่ต้องขัดน็อตเลย ทำให้เช็คด้านในแอร์ได้เองในระดับนึงครับ เย็นเร็วขึ้นเยอะ
จะเลือกแบบ Inverter ไหม?
แอร์ระบบ Inverter จะประหยัดค่าไฟฟ้ามากกว่า แต่ก็จะมีราคาที่สูงกว่าพอสมควรเลยครับ ดังนั้นวิธีคิดง่ายๆที่ผมชอบใช้ก็คือ ดูว่าเราเปิดแอร์ตัวนี้บ่อยมากแค่ไหน เช่น แอร์สำหรับห้องนอน ที่เราเปิดวันนึง 8 ชัวโมงเป็นอย่างน้อย และวันหยุดเสาร์-อาทิตย์จะเปิดแอร์อย่างน้อย 10 ชั่วโมงขึ้นไป แบบนี้ผมจะซื้อ Inverter ทันทีครับ
แต่ถ้าแอร์ห้องนอนไม่ค่อยได้เปิด หรือเปิดตอน 5 ทุ่มแล้ว ตี 5 ก็ปิดแล้วแบบนี้ ซื้อแอร์ไม่ต้อง Inverter ก็ได้ครับ ประหยัดค่าแอร์ไปได้อีกเยอะเลย
ฉลากประหยัดไฟ
เวลาไปถามเรื่องฉลากประหยัดไฟครับ เซลล์ก็ชอบบอกแต่ว่า แอร์สมัยนี้ทุกรุ่นได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 หมดแล้ววววววว แต่ในความเป็นจริง... ฉลากประหยัดไฟเบอร์ เราก็ต้องดูให้ดีๆด้วยเป็นของปีไหนด้วยครับ เพราะมาตรฐานประหยัดไฟจะมีการปรับขึ้นเรื่อยๆ เช่น แอร์ประหยัดไฟเบอร์ 5 ปี 2006 อาจจะไม่ได้ เบอร์ 5 ตามมาตรปี 2015 แล้วครับ ดังนั้นดูกันให้ดีๆด้วยครับ
แอร์บ้านยี่ห้ออะไรดี?
เรื่องยี่ห้อนี้ผมขอตอบตามความคิดเห็นและความรู้สึกส่วนเลยน่ะ ที่บ้านผมจะใช้แค่ 2 ยี่ห้อ คือ Mitsubishi Electric กับ Daikin ซึ่งสองยี่ห้อนี้ มักจะแพงที่สุดครับ เหอะๆ แต่ใช้มา 5 ปี กับ 7 ปีก็ยังไม่เสียอะไรน่ะ เย็นดี มีแค่เรียกช่างมาล้างแอร์ตามปกติครับ ดังนั้นขอสรุปง่ายๆ ดังนั้น
Air Mitsubishi
ข้อดี คือ ถอดแอร์ทำความสะอาดเองได้ง่ายกว่า ทำให้ยืดระยะเวลาที่ต้องเรียกช่างมาล้างแอร์ได้
ข้อเสีย คือ ถ้าซื้อหน้าร้อนของมักจะหมด และแพงที่สุด ไม่ค่อยลดเลย T_T
*หมายเหตุ - Mitsubishi จะมี 2 ยี่ห้อน่ะ คือ Mitsubishi Electric กับ Mitsubishi Heavy Duty ที่เขียนนี้เป็นของ Mitsubishi Electric
Air Daikin
ข้อดี คือ เย็นไวมาก มี Mode Power ที่บ้านเรียกว่า Mode บ้าพลัง ลมแรงสุดๆ เย็นไวสุดๆ และ Mode Silence ก็เงียบสุดๆ
ข้อเสีย คือ แพงพอๆกับ Mitsubishi เลย ส่วนของแถมไม่ค่อยเยอะ เพราะในตอนที่ซื้อ Daikin ให้เลือกเป็นชุดถ้วยกาแฟหรือตุ๊กตา Daikin แต่แอร์ mitsu แถมพัดลมไง เลยก็รู้สึกว่าพัดลมมันมีประโยชน์มากกว่า
โดย buildsweethome.blogspot.com
สุดท้ายนี้ ก็ขอให้เพื่อนๆเลือกแอร์บ้านที่เย็นฉ่ำได้สมใจกันนะครับ ส่วนเรื่องราคาแอร์ ดูที่นี้แทนนะ เพราะมีเขียนแยกไว้เลย [ราคาแอร์ 2559]