ตอนนี้สภาพในเมืองไทยหลายๆจังหวัดน่าเป็นห่วงมาก เพราะเห็นแล้วก็รู้สึกเหมือนกับอยู่ในหนังกันเลย เห็นพระอาทิตย์เป็นสีแดงจางแม้จะเป็นตอนเที่ยงตรง!!! ดังนั้นการมองหาเครื่องฟอกอากาศจึงเป็นสิ่งจำเป็นมากๆครับ
เปรียบเทียบเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi vs Sharp ใครดีกว่ากัน
เนื่องจากที่บ้านของผมเองก็มีลูกที่ยังเล็ก ดังนั้นการซื้อเครื่องฟอกอากาศจึงเป็นสิ่งจำเป็นครับ และหลังจากใช้งานมาเป็นปีผมก็เริ่มมีเครื่องฟอกอากาศอยู่หลายเครื่องแล้วครับ ทำให้วันนี้เราจะมาเปรียบเทียบกันว่าเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi กับเครื่องฟอกอากาศ Sharp กันดีกว่าครับ โดยในบทความนี้จะเน้นไปที่การสรุปประเด็นสำคัญๆเลยครับ
*** ต้องบอกกันตรงนี้เลยครับ เป็นการซื้อมาใช้งานเอง ออกเงินเองทั้งหมด หรือบอกว่าเป็นบทความแบบ CR ตามเวป Pantip ก็ได้ครับ
ค่าไส้กรองของ Sharp vs Xiaomi
ไส้กรองเครื่องฟอกอากาศของ Sharp - รุ่นที่ผมใช้สามารถปล่อยประจุไฟฟ้าและปล่อยความชื้นได้ ดังนั้นไส้กรองของเครื่องฟอกกอากาศ Sharp จะมีทั้งหมด 3 ชั้นที่สามารถซื้อมาเปลี่ยนได้ครับ
◦ แผ่นคาร์บอนดูดกลิ่น
◦ ไส้กรองฝุ่น 2.5PM
◦ แผ่นทำความชื้น
เอาแค่ไส้กรองฝุ่นชั้นเดียวก็ 2-3 พันแล้วครับ ส่วนแผ่นทำความชื้นประมาณ 800-1,000 บาท ส่วนแผ่นคาร์บอนถ้างกก็เอาไปตากแดด แต่ถ้าต้องซื้อเปลี่ยนก็มีหลักพันครับ ดังนั้นรวมๆแล้วค่าไส้กรอกไปซื้อเครื่องได้อีกเครื่องเลยครับ
ปัญหาของไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ Sharp ก็คือ แพงและหาซื้อยาก เพราะว่าขนาดของเครื่องฟอกอากาศ Sharp แต่ละรุ่นมีขนาดไม่เท่ากัน ขนาดของแผ่นกรองเองก็ไม่เท่ากันครับ ทำให้การเลือกซื้อควรซื้อให้ตรงรุ่นจากผู้ผลิต ขอบอกเลยว่าแพงและหาซื้อยากครับ ขอบ่นเลยว่าขนาดจะสั่งผ่านอินเตอร์เน็ตก็ยังหาซื้อยากครับ เพราะว่าต้องดูรุ่นให้ตรงกันเลย ต้องชื่อตรงเท่านั้น เพราะคนละรุ่นอาจจะเจอว่าความกว้างความสูงของแผ่นกรองต่างกัน 1 เซนติเมตร สุดท้ายก็ใส่เครื่องกรองไม่ได้ครับ เหอะๆ คือ เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเหมือนกัน แต่ว่ารุ่นนั้นอาจจะกว้างกว่านิด สูงกว่าหน่อย แค่นี้ก็ใช้กับเครื่องฟอกรุ่นของเราไม่ได้แล้วครับ หน่อยจริงๆครับ ร้านที่ผมไปหาซื้อแคบกว่า 1 เซนติเมตรแต่สูงประมาณกว่า 2 เซนติเมตร สุดท้ายก็หาซื้อไม่ได้
ไส้กรองเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi - ต่อมาสิ่งที่ทำให้เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ได้รับความนิยมสุดๆเลยก็คือ ค่าไส้กรองที่ถูกและสามารถใช้งานกันได้หลายรุ่นครับ อย่างรุ่น Xiaomi Air Purifier 2S และรุ่น Pro สามารถใช้งานร่วมกันได้เลย ส่วนความสามารถไส้กรองก็มีหลายสีให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม
◦ ไส้กรองสีฟ้า - รุ่นมาตรฐาน แถมมากับเครื่อง
◦ ไส้กรองสีเขียว - มีกรองคาร์บอนมาอีกชั้น
◦ ไส้กรองสีม่วง - เป็นรุ่น Antibacterial
หาซื้อได้ง่ายมาก ในเน็ตมีให้เลือกซื้อกันเยอะสุดๆๆๆๆๆๆ แถมยังจัดโปรโมชั่นแข่งกันสุดๆ อันนี้ขอบอกเลยว่า Xioami ชนะขาดครับ
ด้านในของกรองสีเขียวจะทำหน้าที่กรองกลิ่น
อันนี้จะให้ดูว่า เราสามารถทำตัวกรองกลิ่นจากกรองสีเขียว มาใส่กับกรองสีฟ้าได้ด้วยครับ
ประจุไฟฟ้า Plasmacluster
อันนี้เท่าที่เข้าใจเป็นของสิ่งที่ Sharp คิดค้นขึ้นมา ทำให้เรื่องนี้ต้องยกให้ Sharp เขาครับ โดยประจุไฟฟ้า Plasmacluster จะสามารถฆ่าเชื้อโรคในอากาศได้ ช่วยกำจัดสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้จากไรฝุ่นด้วย เอาเป็นว่าที่บ้านผมใช้เฉพาะเครื่องฟอกอากาศของ Sharp ก็เห็นผลเหมือนกัน อากาศภายในห้องดีขึ้น นอนหลับสบายมากขึ้นเหมือนกัน
ความคุ้มค่า
ราคาของเครื่องฟอกอากาศจะขึ้นอยู่กับปัจจัยค่าฝุ่น 2.5 PM ซึ่งเครื่องฟอกอากาศทั้งของ Sharp และของ Xiaomi นั้น ผมซื้อในตอนที่ลดราคาครับ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังรู้สึกว่าเครื่องฟอกอากาศ Xiaomi คุ้มค่ากว่านิดๆ แถมไส้กรองก็หาซื้อได้ง่ายกว่ามากๆๆๆด้วยครับ เรื่องนี้ผมขอยกให้ Xiaomi ดีกว่าเนอะ
เครื่องฟอกอากาศ Sharp ก็มีข้อดีที่แทนกันไม่ได้อยู่
แต่เดี๋ยวเพื่อนๆจะหาว่าผมเชียร์แต่เครื่องฟอกอากาศ Xiaomi ดังนั้นตรงนี้ต้องบอกเลยว่า ความดีงามของเครื่อง Sharp ก็มีอยู่เยอะเลย โดยจะมีตามนี้เลย
◦ กรองฝุ่นใหญ่ก่อนเจอไส้กรอง - อันนี้ขอบอกเลยว่าเป็นอีกจุดเด่นที่ทำให้เราไม่ต้องเปลี่ยนไส้กรอง Sharp กันบ่อยๆครับ เพราะที่ชั้นแรกสุดจะเป็นแผ่นกรองฝุ่นขนาดใหญ่ ซึ่งสามารถถอดมาล้างได้ครับ
◦ ปล่อยความชื้น - เพื่อนๆที่ตื่นนอนแล้วหิวน้ำ การเลือกเครื่องฟอกอากาศที่ปล่อยความชื้นได้จะช่วยได้มากๆ โดยการปล่อยความชื้นจะมีการดูค่าความชื้นในอากาศเสมอ ไม่ได้ปล่อยไปเรื่อยๆครับ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าห้องนอนจะชื้นหรือเป็นปอดบวมกัน
◦ ประจุไฟฟ้า Plasmacluster - จุดเด่นที่ดีงามเสมอ
โดย buildsweethome.blogspot.com
สรุปสั้น - เครื่องฟอกอากาศทั้งของ Sharp และของ Xiaomi ทำงานได้ดีงามพระราม 8 ทั้งคู่ แต่ติดที่ไส้กรองเครื่องฟอก Sharp จะหาซื้อยากกว่าครับ ดังนั้นเพื่อนๆอาจจะต้องวางแผนกันให้ดีๆ แล้วถ้าเพื่อนๆมีความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมก็มาบอกกันได้เลยครับ มาสู้กับฝุ่น 2.5PM ด้วยกัน