การกู้ซื้อบ้านสำหรับหลายๆคนนั้น จ่ายคนเดียวเป็นเรื่องค่อนข้างลำบาก ดังนั้นการกู้ร่วมจึงเป็นวิธีที่หลายๆคนต้องใช้กัน แต่ทีนี้การกู้ร่วมน่ะ เราควรกู้กับคนที่จะมาอยู่ร่วมใต้หลังคาเดียวกันเท่านั้น นั่นก็คือ กู้กับสามีหรือภรรยาของคุณ หรือกู้กับคุณพ่อ คุณแม่ของคุณเอง กรณีอื่นๆนอกจากนี้ผมไม่แนะนำทั้งหมดทั้งสิ้นครับ แม้กระทั้งกู้ร่วมกับพี่น้อง เพราะว่าเหตุการณ์ที่เจอบ่อยๆมากเลย คือ พี่น้องกู้ร่วมกันซื้อบ้าน เพื่ออยู่ด้วยกันทั้งหมด พ่อแม่ พี่น้อง แต่พอเวลาผ่านไปสัก 5 ปี คนพี่หรือคนน้องจะไปแต่งงานและย้ายออก เอาล่ะครับ ถ้าครอบครัวไม่มีเงินเยอะหน่อยนี้ งานงอกกันได้เลยน่ะ แถมย้ายออกไปก็ต้องการซื้อบ้านของตัวเองด้วย เหอะๆ แต่เรื่องที่จะมาเล่าให้ฟังในวันนี้ยิ่งกว่านั้นลองไปตามอ่านกันเลย
กู้ซื้อบ้าน ร่วมกับเพื่อน...เอาจริงๆเหรอ!
ตอนนี้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนต้องใช้เวลาส่วนมากของชีวิตในที่ทำงาน ดังนั้น การที่เรามีเพื่อนสนิทในที่ทำงานเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็มิใช่เรื่องที่แปลกประหลาดแต่ประการใดทั้งสิ้น ทีนี้เรื่องราวในที่ทำงานที่ ที่ผมอยู่ก็มีอยู่ว่า เพื่อนคนนึงอยากซื้อคอนโดห้องเล็กๆเป็นของตัวเอง แต่ทีนี้กู้ไม่ผ่านต้องหาคนกู้ร่วม เลยมาชวนเพื่อนสนิทในที่ทำงานไปกู้ร่วมกัน โดยทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็น"เพื่อน" เท่านั้น เพราะทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว โดยทั้งคู่นั้นก็ไม่ฟังคำเตือนของคนรอบข้างเลย ตรูก็พูดน่ะ แต่เขาไม่ฟัง จนกระทั้งทำเรื่องกู้ผ่าน
เรื่องราวก็ผ่านไปเรื่อยๆไม่มีอะไรพิเศษ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 ปีครึ่ง.... เมื่อมีคนนึงลาออกจากบริษัทครับ เหอะๆ เรื่องราวก็เริ่มมีสัญญาณแปลกๆ เช่น โทรติดต่อเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ติดประชุมบ้างล่ะ จนเริ่มติดต่อไม่ได้หลายๆวัน โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการเงิน! และหลายๆคนก็ไม่ต้องการเข้าไปช่วย เพราะเตือนกันจนจะเสียเพื่อนอยู่แล้ว
สรุปสั้นๆ
ตอนแรกที่ยอมกู้ร่วม เพราะกลัวเสียเพื่อน แต่ตอนจบก็...จบไม่สวย ผมไม่รู้ว่าตอนนี้จบแบบไหนและใครจ่ายต่อ ตามตัวกันเจอไหม แต่ที่แน่ๆคือ เขาทั้งสองได้มีภาระทางการเงินร่วมกันแล้ว
สิ่งที่ควรจะเป็น
ถ้าไม่ยอมกู้ร่วม คุณอาจต้องเสียเพื่อน แต่ก็จริงๆก็แค่เป็นการรู้นิสัยที่แท้จริงของเพื่อนคนนั้นเร็วกว่าเดิมครับ ถ้าเพื่อนแท้ก็ต้องเข้าใจซิว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ควรไปกู้ร่วมกัน และถ้าคุณอยากช่วยเพื่อนรักจริงๆ ช่วยค่าโอนคอนโด หรือค่าเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นดีๆสักชิ้นก็ได้น่ะ มันมีวิธีช่วยอีกหลายอย่างเลยครับ ที่คุณไม่ต้องไปมีพันธะทางกฏหมายต่ออีกหลายสิบปี
ถ้าคุณมีเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับการกู้ร่วมกันของเพื่อนๆคุณ มาแชร์กันได้ครับ
ตอนนี้ชีวิตมนุษย์เงินเดือนต้องใช้เวลาส่วนมากของชีวิตในที่ทำงาน ดังนั้น การที่เรามีเพื่อนสนิทในที่ทำงานเพศเดียวกันหรือต่างเพศก็มิใช่เรื่องที่แปลกประหลาดแต่ประการใดทั้งสิ้น ทีนี้เรื่องราวในที่ทำงานที่ ที่ผมอยู่ก็มีอยู่ว่า เพื่อนคนนึงอยากซื้อคอนโดห้องเล็กๆเป็นของตัวเอง แต่ทีนี้กู้ไม่ผ่านต้องหาคนกู้ร่วม เลยมาชวนเพื่อนสนิทในที่ทำงานไปกู้ร่วมกัน โดยทั้งสองมีความสัมพันธ์เป็น"เพื่อน" เท่านั้น เพราะทั้งคู่ต่างก็มีแฟนกันอยู่แล้ว โดยทั้งคู่นั้นก็ไม่ฟังคำเตือนของคนรอบข้างเลย ตรูก็พูดน่ะ แต่เขาไม่ฟัง จนกระทั้งทำเรื่องกู้ผ่าน
เรื่องราวก็ผ่านไปเรื่อยๆไม่มีอะไรพิเศษ จนกระทั่งเวลาผ่านไป 1 ปีครึ่ง.... เมื่อมีคนนึงลาออกจากบริษัทครับ เหอะๆ เรื่องราวก็เริ่มมีสัญญาณแปลกๆ เช่น โทรติดต่อเริ่มยากขึ้นเรื่อยๆ ติดประชุมบ้างล่ะ จนเริ่มติดต่อไม่ได้หลายๆวัน โดยเฉพาะในช่วงที่ต้องการเงิน! และหลายๆคนก็ไม่ต้องการเข้าไปช่วย เพราะเตือนกันจนจะเสียเพื่อนอยู่แล้ว
สรุปสั้นๆ
ตอนแรกที่ยอมกู้ร่วม เพราะกลัวเสียเพื่อน แต่ตอนจบก็...จบไม่สวย ผมไม่รู้ว่าตอนนี้จบแบบไหนและใครจ่ายต่อ ตามตัวกันเจอไหม แต่ที่แน่ๆคือ เขาทั้งสองได้มีภาระทางการเงินร่วมกันแล้ว
ถ้าไม่ยอมกู้ร่วม คุณอาจต้องเสียเพื่อน แต่ก็จริงๆก็แค่เป็นการรู้นิสัยที่แท้จริงของเพื่อนคนนั้นเร็วกว่าเดิมครับ ถ้าเพื่อนแท้ก็ต้องเข้าใจซิว่าเรื่องแบบนี้มันไม่ควรไปกู้ร่วมกัน และถ้าคุณอยากช่วยเพื่อนรักจริงๆ ช่วยค่าโอนคอนโด หรือค่าเฟอร์นิเจอร์ที่จำเป็นดีๆสักชิ้นก็ได้น่ะ มันมีวิธีช่วยอีกหลายอย่างเลยครับ ที่คุณไม่ต้องไปมีพันธะทางกฏหมายต่ออีกหลายสิบปี
ถ้าคุณมีเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับการกู้ร่วมกันของเพื่อนๆคุณ มาแชร์กันได้ครับ
โดย buildsweethome.blogspot.com