อยู่อาศัยในบ้านไปนานๆ การซ่อมแซมบ้านมันก็ต้องมีบ้างเป็นธรรมดา แต่ทีนี้ปัญหาบางอย่างมันจะหนักหนา สาหัสกว่าปัญหาทั่วๆไป นั่นก็คือ บ้านทรุด!!! เพราะปัญหาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นสีลอก ผนังเปื้อน กระเบื้องที่พื้นแตก ปัญหาแบบนี้เรายังสามารถอาศัยอยู่ในบ้านได้ต่อไปได้ตามปกติ เพราะโครงสร้างตัวบ้านยังอยู่ดีเหมือนเดิม แต่ปัญหาเรื่องบ้านทรุดเนี่ยมันจะอาจจะทำให้หลายๆคนไม่สบายใจ เมื่อเห็นรอยร้าวในบ้านของตัวเอง
ตรวจดูลักษณะของการทรุดที่บ้าน
ขั้นแรกที่เราต้องทำกันก่อนเลยก็คือ ดูว่าบริเวณบ้านที่ทรุดนั้นเป็นที่ไหน และกระทบโครงสร้างตัวบ้านไหม
การแก้ไข - ทีนี้เราต้องดูก่อนว่าการเติมนั้นมีการออกแบบเพื่อป้องกันปัญหาเรื่องการทรุดด้วยหรือเปล่า ซึ่งทำให้การทรุดตัวของห้องที่ต่อเติมไม่กระทบกับตัวโครงสร้างหลักของตัวบ้าน ทำให้การซ่อมแซมจะทำได้ง่ายกว่าครับ แต่ถ้าห้องที่ต่อเติมไม่ได้ออกแบบเตรียมรับการทรุดตัวไว้.... อันนี้ยากกว่าและต้องรีบแก้ไขเป็นการด่วนครับ ซึ่งการแก้ปัญหาแบบนี้ต้องให้วิศวกรที่มีความเชี่ยวชาญมาช่วยตรวจสอบ ไม่ควรฟังแต่ผู้รับเหมาอย่างเดียวครับ
การแก้ไข - หลักๆจะมีอยู่ 2 แบบคือ
• เทพื้นใหม่ - ทุบพื้นโรงจอดรถเดิมแล้วเททรายบดอัดให้แน่นๆๆ ต่อจากนั้นก็เทคอนกรีตไปใหม่ครับ ซึ่งแน่นอนว่าปัญหาเรื่องพื้นทรุดก็สามารถเกิดขึ้นได้อีกครับ แต่ว่าอีกนาน 8 - 10 ปีเลย ค่อยมาดูกันอีกที
• ลงเสาเข็มเลย - อันนี้หลายๆบ้านจะทำไม่ได้ เพราะติดเรื่องหลังคาโรงรถ! ซึ่งผู้รับเหมาหลายๆรายจะแนะนำให้ลงเสาเข็มสั้นที่ใช้คนกระโดดๆขย่มๆ อันนี้โดยส่วนตัวผมเลยคิดว่า.... ไม่คุ้มครับ! เพราะการลงเสาเข็มสั้นก็ไม่ได้ช่วยป้องกันพื้นโรงรถทรุดได้มากมายอะไรนัก แถมยังเสียค่าแรง ค่าใช้จ่ายต่างๆมากกว่าเยอะ รวมทั้งเสียเวลาด้วย! ดังนั้นส่วนตัวผมแนะนำให้แก้ปัญหาโดยการบดอัดพื้นแล้วเทใหม่ดีกว่าครับ ถูกกว่า
***การเทพื้นใหม่ควรเว้นระยะห่างจากกำแพงหรือตัวบ้านอย่างน้อย 1 นิ้ว เพื่อไม่ให้พื้นไปดึงคานหรือตัวบ้านให้ทรุดลงมาด้วยครับ ถ้าไปดูตามโครงสร้างบ้านใหม่ๆจะเห็นที่โรงรถจะมีการเว้นช่องไว้แล้วโร่ยหินกรวดไว้เพื่อความสวยงามครับ
การแก้ไข - วิธีที่ดีที่สุดก็คือ สร้างห้องเก็บหนังสือหรือห้องเก็บของที่ออกแบบให้รองรับน้ำหนักมากๆได้ แต่... ในความเป็นจริงแล้วเรามักจะไม่ได้มีความต้องการในตอนซื้อบ้าน แต่ทว่าพออยู่ๆไปค่อยอยากวางของเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนน้ำหนักมันมากจนส่งผลต่อการทรุด ดังนั้นเราก็ต้องเลือกตำแหน่งที่จะวางให้ดีๆครับ เช่น ไม่วางของหนักๆหรือชั้นหนังสือไว้กลางห้อง ให้เลือกบริเวณที่อยู่ใกล้ๆคานและผนังบ้าน เพราะคานและผนังจะช่วยกระจายน้ำหนักจากการกดทับได้ดีกว่าการวางไว้ตรงกลางห้องครับ
โดย buildsweethome.blogspot.com
สำหรับปัญหาหลักๆที่ทำให้บ้านทรุดตัวผมนึกออกประมาณนี้น่ะครับ ถ้าเพื่อนๆมีอะไรเพิ่มเติมมาแชร์กันได้เลยครับ ขอบคุณครับ