ตอนนี้ในทุกๆเช้าเพื่อนๆสามารถเปิดหน้าต่างออกมามองเห็นหมอกสวยๆในเมืองไทยกันได้อย่างถ้วนหน้าแล้ว แต่พอสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดเท่านั้นล่ะ ตกเย็นมาน้ำมูกไหลแถมยังเริ่มไออีกด้วย ซึ่งเหตุผลก็เพราะว่าสิ่งที่เราเห็นเหมือนกับว่าเป็นหมอกสุดสวยนั้นมันไม่ใช่หมอก...แต่กลับเป็นมลพิษในอากาศ!!! ซึ่งแน่นอนว่าคนที่เป็นภูมิแพ้ก็ต้องหาวิธีมาช่วยให้ชีวิตดีขึ้นกันบ้างครับ โดยในวันนี้ผมจะมาเล่าสู่กันฟังหรือรีวิวแบบขำขำว่า เครื่องฟอกอากาศ Sharp และเครื่องฟอกอากาศฮาตารินั้น มันกรองอากาศกันได้จริงไหม มาดูกันเลยครับ
รีวิวเครื่องฟอกอากาศ 3 รุ่น Sharp 2 & Hatari 1 มาเทียบกันเลย
จริงๆแล้วที่บ้านผมก็ได้เจ้าเครื่องฟอกอากาศ Sharp มาใช้งานกัน 3-4 เดือน ส่วน Hatari ก็ใช้งานเป็นปีแล้ว ดังนั้นการรีวิวในครั้งนี้จะเป็นประสบการณ์ใช้งานจริงๆที่น่าตอบได้อย่างเต็มที่ว่ามีข้อดีและมีข้อเสียอะไรบ้าง เอาล่ะครับ มาดูเริ่มดูกันเลยว่าเครื่องฟอกอากาศแต่ละรุ่นนั้นมีข้อดีอะไรบ้าง โดยเครื่องฟอกอากาศนั้นผมต้องเสียเงินซื้อมาเอง ดังนั้นการรีวิวจะขอพูดกันแบบตรงๆดีก็ชม ไม่ดีหรือรู้สึกแปลกก็จะบอกไปตามนั้นน่ะครับ อ้อ แล้วเนื่องจากจะรีวิวกันถึง 3 รุ่น ดังนั้นบทความจะยาวไปสักนิดก็ต้องขออภัยด้วยครับ ฮ่าๆๆ
/// รีวิวเครื่องฟอกอากาศ Sharp KC-G40TA-W ///
สำหรับเครื่องฟอกอากาศรุ่นแรกที่เราจะดูรีวิวกันจะเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดจากทั้ง 3 รุ่นในวันนี้ครับ โดยจะมีกับฟังก์ชั่นชุดใหญ่ไฟกระพริบพร้อมกับราคาที่แพงที่สุด โดยราคาเต็มจะอยู่ที่ 16,xxx บาท ซึ่งแน่นอนตอนที่ซื้อก็รอให้ลดราคาเลยได้มาอยู่ที่ 14,000 กว่าบาท พร้อมของแถมอีกมากมายครับ โดยในส่วนของของแถมนั้นจะมีชุดหม้อสุกี้และเตาไฟฟ้า พร้อมกับเครื่องฟอกอากาศตัวเล็กมาอีกหนึ่งตัว
จุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศ Sharp KC-G40TA-W
เวลาที่ไปเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศนั้น พนักงานขายจะบอกสรรพคุณกันอย่างมากมายจนกระทั่งคนซื้อนั้นงง แต่สำหรับผมจะบอกข้อดีหลักๆมาเลยนะครับ เพราะว่ารายละเอียดที่พนักงานขายโม้นั้นหาจากเวปไหนก็ได้ ซึ่งในส่วนของเวปนี้จะเน้นไปที่ประสบการณ์ใช้งานจริงครับ (เป็นเครื่องฟอกอากาศรุ่นปี 2017 ครับ)
• กรองฝุ่นละออง 2.5 PM - ฝุ่นยิ่งเล็กก็ยิ่งเป็นอันตราย ซึ่งฝุ่นละอองที่เล็กมากๆอย่าง 2.5 PM นั้นเป็นสิ่งที่ใช้ชี้วัดว่าคุณภาพอากาศดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแน่นอนตอนนี้เมืองไทยมีค่า 2.5 PM เกินมาตรฐานไปไกลแล้วครับ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศ Sharp KC-G40TA-W ก็สามารถกรองได้ แต่ก็มีข้อเสียบางอย่าง ซึ่งไปดูในส่วนของข้อเสียน่ะ
• อากาศดีขึ้นจริงๆ - ตั้งแต่คืนแรกที่เริ่มใช้งานเลยก็รู้สึกได้ว่าลูกนอนหลับได้ดีขึ้น อากาศที่ฟอกก็ดีขึ้นจริงๆ แล้วตัวเครื่องฟอกอากาศเองก็มีโหมดการทำงานหลายแบบ อย่างโหมด Clean ION shower ที่จะปล่อยอนุภาคไฟฟ้าพลาสม่าคลัสเตอร์ออกมาด้วยแรงลมเร็วๆช่วงนึงแล้วจะกลับเป็นโหมดก่อนนี้ให้เอง ซึ่งเหมาะกับเดินเข้ามาเปิดแล้วไปอาบน้ำมากๆครับ
• ปล่อยความชื้นได้ - จริงๆแล้วเมืองไทยจะมีความชื้นในอากาศค่อนข้างสูงเลย ทำให้หลายคนไม่สนใจเรื่องความชื้นมากนัก แต่สำหรับคนที่มีเด็กเล็กๆที่ชอบเลือดกำเดาไหล หรือชอบเกาตามตัวจนเลือดออกเพราะผิวแห้ง ขอบอกเลยครับว่าฟังก์ชั่นปล่อยความชื้นจากเครื่องฟอกอากาศนั้นสามารถช่วยให้ชีวิตดีขึ้นได้จริงๆ
ความชื้นที่เครื่องฟอกอากาศจะปล่อยมานั้นจะมีการตรวจอุณหภูมิห้องก่อนด้วยครับ ยกตัวอย่างเช่น ที่ 18-24 C เครื่องฟอกอากาศจะรักษาระดับความชื้นอยู่ที่ 60% และจะเพิ่มเป็น 65% ในโหมดนอนหลับ ซึ่งจากการใช้งานนั้น ขอบอกเลยว่าดีจริงๆ คนที่บ้านชอบมากๆ อยากให้ลองนึกถึงตอนที่เปิดแอร์เย็นๆที่ห้องนอนหลังฝนตก เราจะสัมผัสได้ถึงอากาศที่เย็นฉ่ำ ชื่นใจมากๆครับ แต่ก็แน่นอนว่ามีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องเขียนแยกไว้เลย
• แสงหน้าจอเปิด-ปิด auto - โดยจะดูตามความสว่างภายในห้องได้เลย อันนี้ดีมากๆไม่มีแสงรบกวนในเวลาที่ปิดไฟนอน
• เสียงเงียบมาก - ปกติแล้วผมจะเปิดแค่โหมด auto หรือโหมดนอนหลับ ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศจะทำงานได้เงียบมากๆ แล้วถ้าตรวจเจอฝุ่นละอองเครื่องฟอกอากาศจะค่อยๆเพิ่มแรงลมให้เองครับ
ในส่วนของฟังก์ชั่นการทำงานของเครื่องฟอกอากาศ Sharp KC-G40TA-W มันเยอะมาก ซึ่งผมเองก็ใช้แค่ไม่กี่อย่าง มีแค่ช่วงแรกๆที่เห่อของใหม่ใช้หลายๆฟังก์ชั่นครับ ซึ่งส่วนมากก็ได้ผลตามที่ควรจะเป็นครับ
ข้อเสียก็มีน่ะ
• เติมน้ำ - การที่เครื่องฟอกอากาศปล่อยความชื้นได้ก็ต้องเติมน้ำด้วย แล้วถ้าจะให้ดีก็ควรใช้น้ำกรองครับ เพราะน้ำที่ปล่อยออกมาเราก็ต้องหายใจเข้าไป ซึ่งความถี่ในการเติมน้ำก็ขึ้นอยู่ความชื้นของช่วงนั้นๆครับ อย่างช่วงที่ฝนตกเกือบทุกวัน 1 สัปดาห์ผ่านไปน้ำยังลงไม่ถึงครึ่งถังเลย แต่ในทางกลับในช่วงหน้าหนาวที่อากาศแห้งมากๆ แค่คืนเดียวน้ำลดไปเกินครึ่งแล้วครับ
• ล้างแผ่นทำความชื้น - ปัญหานี้เพื่อนๆบางคนเคยได้ยินว่า ใช้งานไปสักพักแล้วรู้สึกว่าเป็นภูมิแพ้หนักขึ้นหรือห้องมีกลิ่นชื้นแปลกๆ เรื่องผมเองก็เจอซึ่งแก้ได้ง่ายมากๆ เพราะเราก็นำแผ่นปล่อยความชื้นไปล้างให้สะอาด ล้างถาดรองน้ำด้วยครับ และที่สำคัญต้องเอาไปตากแดดให้แผ่นทำความชื้นแห้ง แบบนี้กลิ่นต่างๆก็จะหายไปแล้วเครื่องฟอกอากาศจะกลับมาทำงานเหมือนใหม่เลย ซึ่งแน่นอนว่าคนเราก็ต้องมีบางช่วงเวลาที่ขี้เกียจล้าง!!! ดังนั้นผมก็ขอเขียนเป็นข้อเสียไว้ด้วยน่ะ
• ไม่บอกค่า 2.5 PM - สำหรับคนที่จริงจังว่าต้องรู้ระดับคุณภาพอากาศนั้น เครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่นนี้จะบอกแค่แสงสีๆ สีฟ้า สีขาว สีแดงประมาณนี้ แต่ไม่ได้บอกเป็นตัวเลขเหมือนบางยี่ห้อ ที่จะบอกเลยว่าตอนนี้ค่า 2.5 PM อยู่ที่ 48 เลยทำให้เราไม่รู้ว่าอากาศที่ฟอกมานั้นสะอาดแค่ไหนครับ แบบ 48 แล้วเหลือ 12 แบบนี้เป็นต้น ซึ่งตอนที่ซื้อนั้นพนักงานขายก็แอบบอกตอนขายว่า ยี่ห้ออื่นก็อาจจะวัดค่าไม่ตรงนะพี่!!! ฮ่าๆๆๆ
• แพง - เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ Sharp ราคาก็ค่อนข้างสูงน่ะ แต่โดยรวมแล้วผมซื้อมาในช่วงโปรโมชั่นก็ถือว่าคุ้มค่าระดับในนึงครับ ไม่ได้รู้สึกว่าแพงมากไป แต่ถ้าให้ซื้อในราคาเต็มก็ตอบตรงๆเลยว่าแพงมาก
• กลิ่น - ทีนี้เครื่องฟอกอากาศมันก็สามารถตรวจจับและฟอกกลิ่นได้ แต่จากการใช้งานรู้สึกว่าฟอกกลิ่นได้ช้ามากครับ เมื่อเทียบกับยี่ห้อ Hatari คือ ถ้าเพื่อนๆให้ความสำคัญกับความเร็วในการทำให้กลิ่นหายภาย 5 นาที 10 นาที อันนี้ผมว่าฟอกไม่ทันน่ะ แค่ถ้าปล่อยให้ฟอกไปเรื่อยๆ 1 ชั่วโมงก็ได้อยู่
• หนักและเคลื่อนย้ายลำบาก - เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้สามารถเติมน้ำได้ด้วย ดังนั้นน้ำหนักรวมทั้งหมดจะค่อนข้างหนักเลยครับ ทำให้เคลื่อนย้ายลำบาก แต่โดยส่วนตัวแล้วผมก็ตั้งมันไว้อย่างนั้นล่ะ ไม่ได้ย้ายตำแหน่งไปไหน
สรุปสั้นๆ - เครื่องฟอกอากาศ Sharp ราคาค่อนข้างสูง ควรรอซื้อตอนที่มีของแถมและโปรโมชั่น ส่วนเรื่องคุณภาพอากาศนั้นไว้ใจได้เลยครับ สามารถกรองและฆ่าเชื้อโรคต่างๆดี เรื่องความชื้นถ้าเพื่อนๆไม่มีปัญหาที่ต้องเอาไปล้างเดือนละ 1 - 2 ครั้งก็แนะนำให้ซื้อรุ่นที่ปล่อยความชื้นได้ครับ อากาศดีกว่า นอนสบายมากกว่าจริงๆ รับรองให้อีกหนึ่งเสียง แต่ถ้าไม่มีเวลาดูแลก็ไม่แนะนำรุ่นที่ปล่อยความชื้นได้ครับ
/// รีวิวเครื่องฟอกอากาศ Hatari HT-AP12 ///
ตอนนี้ก็มาดูกันที่เครื่องฟอกอากาศราคาถูกลงกันบ้างครับ เหตุผลที่มีเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้อยู่ที่บ้านด้วย เพราะต้องการเปิดในห้องนั่งเล่นเพื่อกรองกลิ่นเผาขยะ!!! มันจะเผาทำไมก็ไม่รู้เนอะ เหอะๆ ซึ่งแน่นอนว่าห้องนั่งเล่นนั้นต้องเปิดเครื่องฟอกค่อนข้างนาน ดังนั้นผมก็อยากได้เครื่องฟอกอากาศที่มีราคาแผ่นกรองไม่แพงครับ ดังนั้นก็ได้เลยเจ้าเครื่องฟอกอากาศ Hatari HT-AP12 มาครับ
ข้อดีของเครื่องฟอกอากาศ Hatari
• แผ่นกรองถูกมาก - ต่อให้คุณไปซื้อแผ่นกรองที่ห้างเลยน่ะ เอาแบบราคาโดนฟันมาเลยก็ประมาณ 900 กว่าบาท แต่ถ้าหาตามเน็ตก็อาจจะได้ถูกมากถึง 600 นิดครับ ดังนั้นเปลี่ยนแผ่นกรองบ่อยๆก็ไม่มีปัญหาครับ
• กรองกลิ่นได้เร็วมาก - หนึ่งในเหตุผลที่ต้องการมากๆสำหรับห้องนั่งเล่นที่จะใช้งานก็คือ กรองกลิ่นควันจากการเผาและกลิ่นบุหรี่ ซึ่งเครื่องฟอกอากาศ Hatari ทำการฟอกกลิ่นได้ดีกว่าของ Sharp นะครับ อันนี้ต้องบอกก่อนว่าเหตุผลจริงๆก็ตามสเปคเครื่องฟอกอากาศเลยครับ ของ Hatari ที่ผมมีนั้นสำหรับห้องขนาด 30-32 ตารางเมตร แต่ของ Sharp จะอยู่ที่ 28 ตารางเมตรครับ เหตุผลที่สองคือ ขนาดของแผ่นกลิ่นกรองที่กลิ่นหรือแผ่น Activated Carbon ของ Hatari จะมีขนาดใหญ่กว่ามากๆครับ
• ราคาถูก น้ำหนักเบา - เนื่องจากเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ทำหน้าที่แค่ดูดอากาศมาผ่านแผ่นกรอง ส่วนจะปล่อยอนุภาคอะไรนั้นผมก็ไม่ชัวร์น่ะ ซึ่งราคาตอนที่ซื้อก็ไม่เกิน 5,000 บาท แล้วได้โปรโมชั่นอื่นๆมาอีกก็ถูกลงไปอีกครับ จำราคาไม่ได้จริงๆ เพราะซื้อมาหลายอย่าง
ข้อเสียก็มี
อันนี้ต้องขอออกตัวก่อนเลยว่า ใช้งานหนักมาก เปิดทิ้งไว้ตอนกลางวันตลอดเป็นปี ดังนั้นสิ่งที่ผมเขียนถึงข้อเสียอาจจะเกิดจากอายุการใช้งานนะครับ ของใหม่อาจจะไม่มีก็ได้ เข้าใจตามนี้น่ะ
• มีเสียงแปลกๆ - เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า วันนึงยกเครื่องฟอก Hatari ขึ้นมาในห้องนอน เพื่อช่วยฟอกกลิ่นควัน แต่กลับเจอว่าเครื่องทำงานแล้วมีเสียงแปลกๆที่น่ารำคาญมากๆ เดาเอาเองว่าเป็นเสียงทำงานในการปล่อยประจุไฟฟ้า ION คล้ายๆกับเสียงที่เสาไฟฟ้าแต่เบาและแหลมกว่า ซึ่งน่ารำคาญมาก สุดท้ายก็ปิดแล้วยกไปตั้งที่ห้องนั่งเล่นเหมือนเดิมครับ ลองนึกถึงเสียงตามเสาไฟฟ้าเป็นหลักครับ แต่เบาและแหลม เหอะๆ (ย้ำอีกรอบว่า เครื่องฟอกตัวนี้ใช้งานมากหนักน่ะครับ ผมเชื่อว่าตัวใหม่น่าจะไม่มีปัญหานี้)
• ทำได้แค่ฟอกอากาศ - อันนี้จากจุดเด่นที่ทำหน้าที่ฟอกอากาศอย่างเดียวที่มีราคาถูก ก็มีข้อเสียด้วยที่ไม่สามารถทำหน้าที่อื่นๆได้เหมือนเครื่องฟอกอากาศหลายรุ่น อย่างบางรุ่นก็มาพร้อมที่ดักยุง หรืออย่างเครื่องฟอกอากาศ Sharp รุ่นที่รีวิวไปข้างบนก็สามารถเพิ่มความชื้นในอากาศได้ เป็นต้นครับ
สรุปสั้นๆ - กรองอากาศและกรองกลิ่นดีมาก ทำงานเร็ว ราคาคุ้มค่า แผ่นกรองถูก แนะนำสำหรับบ้านที่ต้องการกรองฝุ่น ดัดกลิ่นและดัดขนสัตว์ครับ ส่วนเรื่องฆ่าเชื้อโรคด้วยประจุนั้นต้องยกให้ Sharp ไปครับ
/// รีวิวเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์ พลาสม่าคลัสเตอร์ IG-DC2B-N ///
ไหนๆก็รีวิวเครื่องฟอกอากาศในบ้านไปแล้ว 2 รุ่น ดังนั้นเราก็มารีวิวเครื่องฟอกอากาศในรถยนต์กันต่อเลยครับ
จุดเด่นของเครื่องฟอกอากาศ Sharp สำหรับรถยนต์
• ฟอกอากาศได้จริงๆ - คือ ตอนแรกก็สงสัยว่าเครื่องฟอกอากาศเล็กแค่นี้มันจะไปมีผลจริงๆเหรอ แต่พอใช้งานไปเท่านั้นล่ะครับ รู้สึกเลยว่าอากาศดีขึ้นจริงๆ แต่ค่อยๆดีขึ้นน่ะ ไม่ได้รวดเร็วเลยเปิดแล้วดีเลย ต้องรอ 10-15 นาที ซึ่งรถติดในเมืองไทยนั้นเกินอยู่แล้ว อย่างกลิ่นควันจากท่อไอเสียเข้ารถตอนที่เปิดประตูรถเอาไว้ ก็จะหายไปเร็วขึ้นเยอะครับ
• ลมแรงกว่าที่คิด - สำหรับรถยนต์ที่ไม่มีแอร์แถวหลัง ผมลองเอาเครื่องฟอกอากาศไปตั้งไว้ตรงกลางระหว่างเบาะหน้า คนที่นั่งด้านหลังรถก็รู้สึกว่ารถเย็นขึ้นน่ะ เพราะมีลมจากเครื่องฟอกอากาศมาช่วยให้เย็นอีกนิดนึง คือ ไม่แรงแบบพัดลมบ้าน แค่ก็แรงพอที่จะทำให้รู้สึกเย็นขึ้นได้จริงๆครับ
จุดเสียของเครื่องฟอกรุ่นนี้
• ใช้ช่องเสียบที่จุดบุหรี่ - ตอนนี้ช่องเสียบมักจะถูกใช้งานโดยกล้องหน้ารถไปแล้ว ทำให้ตอนที่เจ้าเครื่องฟอกอากาศมา ผมต้องไปหาอุปกรณ์มาต่อเสริมในรถครับ
• เสียงดังๆดับๆ - เวลาที่ใช้งานผมจะเปิดในโหมด Turbo เสมอ แต่ทีนี้บางจังหวะก็จะมีเสียงเหมือนกับหยุดทำงาน แล้วอีกสักพักก็จะดังขึ้นมาอีก ซึ่งบางคนอาจจะรำคาญกันได้ครับ
• แพง - พอเครื่องฟอกอากาศเป็นยี่ห้อ Sharp แล้ว ราคาก็มักจะสูงขึ้นมาทันที แต่ด้วยคุณภาพอากาศที่ถือว่าดีกว่าหลายๆยี่ห้อ ก็แนะนำว่ารอซื้อจังหวะที่จัดโปรโมชั่นครับ อย่างเครื่องฟอกอากาศรุ่นนี้ผมได้มาเป็นของแถมตอนที่เครื่องฟอกอากาศตัวใหญ่ครับ
สรุปสั้นๆ - ถ้าไม่ลดราคาแรงๆหรือได้มาฟรีผมเองก็คงไม่ซื้อครับ เพราะแพงมากๆ ราคาเต็มนี้ประมาณ 4,000 บาทกันเลย ต้องรอให้ลดราคามากกว่า 40% เท่านั้นถึงจะซื้อไหว แต่ถ้าถามว่าได้ผลไหมก็ขอบอกว่าได้ผลจริงๆ แต่ก็ใช้เวลานานหน่อยครับ
โดย buildsweethome.blogspot.com
ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ผมก็ขอขอบคุณเพื่อนๆมากเลยครับที่อ่านรีวิวเครื่องฟอกอากาศทั้ง 3 รุ่นมากันจนจบได้ แล้วถ้าเพื่อนๆมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็มาเสริมกันได้เลยครับและถ้ามีส่วนไหนที่ผิดพลาดไปก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ ส่วนเรื่องราวที่น่าสนใจ มาดูเรื่องนี้กันต่อเลย [25 ไอเดียห้องนอนน่ารักๆ]